ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มใช้กี่ cc อันตรายไหม มีข้อเสียอะไร

แชร์ไปที่ :

สารบัญเนื้อหา

ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มใช้กี่ cc อันตรายไหม มีข้อเสียอะไร

การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มเป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการปรับปรุงใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ ลดร่องลึกที่เกิดขึ้นตามวัย หรือปัจจัยอื่น ๆ เช่น การสูญเสียคอลลาเจนและไขมันใต้ผิวหนัง แต่คำถามที่พบบ่อยคือ “ต้องใช้ฟิลเลอร์กี่ cc? อันตรายไหม? และมีข้อเสียอะไรบ้าง?” บทความนี้จะช่วยไขข้อสงสัยดังกล่าว

ใช้ฟิลเลอร์กี่ cc?

ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้สำหรับฉีดร่องแก้มขึ้นอยู่กับความลึกของร่องแก้มและลักษณะใบหน้าของแต่ละบุคคล โดยทั่วไปแล้ว:

  • ร่องแก้มตื้น: อาจใช้ประมาณ 1-2 cc
  • ร่องแก้มลึก: อาจต้องใช้ 2-4 cc หรือมากกว่านั้น

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้ประเมินความเหมาะสมของปริมาณฟิลเลอร์ที่ต้องใช้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและสมดุลกับใบหน้า

อันตรายไหม?

การฉีดฟิลเลอร์ถือว่าปลอดภัยหากดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและใช้ฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐาน (เช่น ฟิลเลอร์ประเภทไฮยาลูโรนิคแอซิดที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา) อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงอาจเกิดขึ้นได้ในกรณีที่:

  1. ใช้ฟิลเลอร์ปลอม: อาจทำให้เกิดการอักเสบ ติดเชื้อ หรือเนื้อเยื่อเสียหาย
  2. ฉีดโดยผู้ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ: อาจเกิดปัญหาฟิลเลอร์อุดตันหลอดเลือด ซึ่งอาจร้ายแรงถึงขั้นทำให้เนื้อเยื่อตายหรือสูญเสียการมองเห็น
  3. การแพ้ฟิลเลอร์: แม้จะพบได้น้อย แต่ก็มีโอกาสเกิดปฏิกิริยาแพ้ในบางราย

ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

แม้ว่าการฉีดฟิลเลอร์จะมีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียที่ควรพิจารณา ได้แก่:

  1. ผลลัพธ์ไม่ถาวร: ฟิลเลอร์จะสลายไปเองตามธรรมชาติในระยะเวลา 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์และการดูแลหลังฉีด
  2. ค่าใช้จ่าย: การฉีดฟิลเลอร์อาจมีค่าใช้จ่ายสูง โดยเฉพาะหากต้องเติมฟิลเลอร์อย่างต่อเนื่อง
  3. ผลข้างเคียง: เช่น อาการบวม แดง หรือช้ำบริเวณที่ฉีด ซึ่งมักจะหายไปในไม่กี่วัน แต่ในบางกรณีอาจเกิดก้อนแข็งใต้ผิวหนัง
  4. ความเสี่ยงจากการฉีดผิดตำแหน่ง: อาจทำให้ใบหน้าดูไม่สมดุลหรือเกิดปัญหาผิวหนังย้อยได้

สรุป

การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มสามารถช่วยปรับปรุงใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์และลดร่องลึกได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจ เลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน ใช้ฟิลเลอร์ที่ปลอดภัย และให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ดำเนินการ ทั้งนี้ เพื่อป้องกันความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

Dr.Deaw Clinic หมอเดียว คลินิก

ปรึกษาและสอบถามเพิ่มเติมฟรีได้ที่

Dr.Deaw Clinic หมอเดียว คลินิก

ปรึกษาและสอบถามเพิ่มเติมฟรีได้ที่